TENDAE/STORY #3
ร่างแข็งแรงของจีวอนไม่โอนอ่อนให้ผมเลยแม้แต่น้อย
แผ่นอกแข็งแกร่งทำหน้าที่บดเบียดกายเข้าหาเนื้อผิวนวลละเอียดของผม มันอึดอัดแต่ทว่าก็ทำให้รู้สึกดีเช่นกัน
ผมปัดป่ายลำแขนเพรียวของตัวเองวุ่นวายไปหมดไม่มั่นใจว่าควรจะวางไว้ตรงส่วนไหนดีก่อนจะถูกมือของคนที่กำลังประโลมดูดรับความหวานกับเรียวปากของผมอยู่ดึงท่อนแขนทั้งสองข้างของผมให้โอบรอบลำคอของเขาเอาไว้
เสียงดูดดึงเรียวปาก ยอดอก ผิวเนื้อและแทบจะทุกส่วนของร่างกายผมดังระงมไปทั่วทั้งห้อง
…จีวอนได้ขึ้นมาส่งผมและเป็นบุคคลแปลกหน้าคนแรกที่ได้เหยียบย่างกรายเข้ามาในบริเวณอาณาเขตของผม
และเขาก็เริ่มเปิดความสัมพันธ์ขึ้นทันทีที่ไฟในห้องของผมถูกเปิดด้วยมือของผมเอง
ผมไม่ได้ปฎิเสธหรือปัดป้องตัวเอง หนำซ้ำผมยังตอบรับสัมผัสเขาอย่างง่ายดายด้วยซ้ำ
“อื้อ!”
ผมครางร้องออกไปเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งกำลังคลืบคลานเข้าไปใกล้กับส่วนอ่อนไหว จีวอนลากนิ้วมือของเขาพาดผ่านขาอ่อนด้านในของผมช้าๆ ทำให้รู้สึกขนลุกได้เป็นอย่างดี เรียวปากสีสดของเขายกยิ้มส่งมาให้ ยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกตัวล่องลอยและอ่อนปวกเปียก
รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนมุมปากนั้นทำให้ผมไม่กล้าละสายตา
ก่อนจะเป็นจีวอนเองที่ทำหน้าที่ของเขาต่อ
ริมฝีปากที่ระงมจูบปรนเปรอผมและตัวเขาเองอยู่ก่อนหน้าครอบงำกลางกายของผมจนมิด
“อ่า!”
ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียงน่าเกลียดออกไป สองมือขย้ำผ้าปูที่นอนตัวเองจนเริ่มรู้สึกว่ามันคงจะขาดติดมือมาด้วยแน่ถ้ามันบางเบาเกินกว่าจะเป็นผ้าปูที่นอนราคาแพง
“ทำให้บ้างสิ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูซ้ายทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อน
ความวูบโหวงเมื่อครู่ผ่านไปชั่วพริบตาทีเดียว ผมรู้สึกร่างกะตุกเกร็งเพียงแค่ไม่กี่นาทีก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเขินอายเกินกว่าจะมองหน้าคนที่คร่อมร่างผมเอาไว้
“อืม…โคตรดี”
ผมเหลือบตาขึ้นมองคนที่เท้าศอกกับหมอน
มือข้างหนึ่งของเขากุมกลุ่มผมของผมเอาไว้แน่นหวังเพื่อระบายแรงอารมณ์ของตัวเขาเอง จีวอนหลับตาพริ้มริมฝีปากสีสดก่อนหน้ายิ่งบวมช้ำกว่าเดิมเพราะเจ้าตัวเล่นกัดมันเสียจนห้อเลือด
ผมเร่งจังหวะรูดรั้งส่วนนั้นของเขากับโพรงปากของตัวเองเร็วๆ
จีวอนออกแรงจับกลุ่มผมของผมแน่นขึ้นจนรู้สึกได้ก่อนเขาจะกะตุกเกร็งและปล่อยมันออกมาพร้อมกับเสียงครางต่ำรับในลำคอของเขา
“อ๊ะ! เบา”
ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ
จีวอนก็คว้าโอกาสที่ผมเงยหน้าขึ้นจากกลางกายของเขา
ดึงตัวผมให้นั่งคร่อมระหว่างขาของเขาเอาไว้
ส่วนอ่อนไหวเสียดสีกับหน้าท้องของผมจนรู้สึกประหม่า
จีวอนดันท้ายทอยของผมให้เข้าหาเขาก่อนจะประกบจูบอีกครั้ง
รุนแรง เร่าร้อน และไม่มีคำว่าอ่อนโยน
เราไม่ได้เริ่มต้นมีความสัมพันธ์กันด้วยความรัก …มันจึงเป็นเซ็กส์ที่มีแค่สนองความใคร่ของเราสองคน
“ผ่อนคลายหน่อย”
ผมชักเริ่มจะติดใจกับน้ำเสียงทุ้มต่ำของจีวอนซะแล้วสิ เขาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับทุกคนเวลาขึ้นเตียงด้วยกันหรือเปล่านะ จีวอนทำให้แรงอารมณ์ของผมพุ่งพล่านแค่เพราะใช้น้ำเสียงแหบๆ ของตัวเอง
“อะ อื้อ”
ผมนิ่วหน้าทันทีที่จีวอนสอดส่งเจ้าแกนกายที่ขยายเต็มตัวเข้ามาสำรวจภายในร่างกายของผม เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดโตเริ่มผุดพราย
จีวอนไม่ได้เร่งจังหวะตามความต้องการของเขาซะทีเดียว เขาสอดใส่มันค้างไว้อยู่แบบนั้นจนผมลืมตาขึ้นเพื่อมองสิ่งที่เขากำลังนิ่งอยู่
“ไม่เคย?”
การโน้มตัวลงมาเบียดบดกับร่างกายของผมที่ขึ้นรอยแดงเต็มตัวแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกเสียวไปทั้งกาย
ริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่วหน้าอกไม่ทำให้ผมรู้สึกประหม่าน้อยลงแม้แต่น้อย
จีวอนเงยหน้ามองผมเหมือนเขากำลังรอคำตอบ
แต่ผมกลับนิ่ง แม้ในใจอยากให้เขาขยับส่วนล่างของตัวเองเสียที
ไม่งั้นคงจะกลายเป็นผมเองที่จะต้องทำเรื่องน่าอายแบบนั้น
“ผมไม่เคย”
ตอบออกไปแบบนั้นแต่กลับหลบสายตา
ผมไม่ได้เขินอายที่ครั้งนี้ดันเป็นครั้งแรก ผมแอบได้ยินเสียงจีวอนสบถออกมาสั้นๆ ก่อนจะเสยผมที่ปรกหน้าของเขาขึ้น
และเขาก็เริ่มขยับ
เพิ่มจังหวะให้เร็วมากขึ้น
มากขึ้น และมากขึ้น
ผมรู้สึกสมองโล่งไปหมดทันทีที่ร่างกายตอบสนองโดยการกะตุกเกร็งหน้าท้อง
มือที่จิกแน่นลงบนลาดไหล่ของจีวอนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ทำให้ผมหายใจหอบถี่หนักขึ้นไปอีก กลัวว่าเขาจะก่นด่า กลัวว่าผมจะทำอะไรให้ไม่พอใจ
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำได้แค่เพียงนอนหายใจนิ่งๆ
รับสัมผัสรสจูบที่ยังคงโหมกระหน่ำของจีวอนที่ไม่รู้จักหมดสิ้น
ภาพสุดท้ายที่ผมยังคงย้ำคิดติดตาในครั้งนั้นคงจะเป็นภาพที่จีวอนระบายยิ้มออกมาก่อนจะกดริมฝีปากของเขาแนบลงกับหน้าผากที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อของผมราวกับเขาจูบซับความเปียกปอนนั้นให้
( กลับไปอ่านเนื้อเรื่องต่อนะคะ )